853.สามสาวในลิฟท์ ตอน 1

ณ ตึกหรูหรากลางถนนสุขุมวิท ชั้น28 เมธาวี สาวสวยวัย25 ทายาทมหาเศรษฐีหมื่นล้าน เจ้าของบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องนวดหน้าจากยุโรป เธอเป็นสาวหมวยสวยหน้าใสจนเอาสามารถไปเปรียบกับเด็กสาวๆอายุ15-16ปีได้สบายๆ ประกอบกับบิดามารดาอยู่ในธุรกิจเครื่องสำอางค์จนร่ำรวยมีเงินทองเป็นหมื่นๆ ล้าน เมื่อเธอขยับตัวทำอะไรเป็นต้องถูกจิกกัดโดยคู่แข่งธุรกิจและคอลัมนิสต์ซุบ ซิบที่อิจฉาในความสวยเริ่ดหรูของเธอ เมธาวีจัดแคมเปญรับปีใหม่โดยจ้างเชอรี่นางแบบสาวลูกครึ่ง
อเมริกัน-ญี่ปุ่น หุ่นสูงยาวหน้าใสอายุ 16 กว่าๆมาเป็นนางแบบถ่ายลงในแคตตาล็อกปีใหม่ที่จะถึง โดยมีบริษัทเอเจนซี่ต่างชาติที่มี แพตตี้ สาวไทยหน้าคมหวานผิวพม่านัยน์ตาแขกนมฝรั่งเป็นเออี คิดคอนเซ็บป์และดูแลการผลิตจนจบกระบวนการ งานล้าช้าเพราะเมธาวีแก้แบบจวบจนวันสุดท้ายของปีที่ต้องถ่ายแก้ไข รูปช็อต สุดท้าย เธอจึงจัดปาร์ตี้เล็กๆเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันเข้าปีใหม่กับเหล่าสต๊าฟของ เธอที่มีแต่ผู้หญิงกับตุ๊ดหนุ่มๆสองคนกับทีมงานของเอเจนซี่และนางแบบ
  “เอ้า พวกเรา ดื่มฉลองปีใหม่ ที่จะมาถึง ไชโย ไชโย” เมธาวีจิบไวน์เข้าไปส2-3 แก้ว ทำเอาหน้าแสนสวยหมวยอินเตอร์ของเธอแดงก่ำ
  “เอา ละจ้ะ สำหรับสต๊าฟที่น่ารักทุกคน ไปฉลองกันต่อได้แล้ว เมื่อมาทำงานวันแรกของปีหน้า เมจะเตรียมของขวัญปีใหม่ให้ทุกคนมากบ้างน้อยบ้างตามผลงานที่เมได้ประเมินให้ ในปีนี้นะจ้ะ ปีหน้าพยายามกันอีกนิดนะ เราจะได้เป็นอันดับหนึ่งในตลาด แล้วเมจะพาไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันทุกคนเลย”
  “กรี๊ด.... ขอบคุณค่ะ คุณเม พี่เม” เสียงไชโย เสียงขอบคุณเมธาวีดังเซ็งแซ่ ทำให้ทีมงานของ แพตตี้กับเชอรีนางแบบมองมาอย่างอิจฉาที่พนักงานเหล่านี้มี เจ้านายน่ารักแสนดีอย่างนี้ ทุกคนช่วยกันเก็บข้าวของทำความสะอาดจนเรียบร้อย แล้วเข้ามาร่ำลาเมธาวีที่ห้องทำงาน แพตตี้และทีมงานก็ขอตัวกลับก่อน เมธาวีเข้าห้องน้ำดูความสวยสะอาดของใบหน้า ปลดทุกข์เบาจนสบายตัวก็เก็บของถือกระเป๋ามาตรวจความเรียบร้อย พบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กของใครก็ไม่รู้วางอยู่บนโต๊ะ จึงถือออกมาด้วยและปิดประตูด้วยการ์ด เธอเดินมาที่ลิฟต์สำหรับผู้บริหารที่ต้องใช้คีย์การ์ดเสียบเข้าไปถึงจะใช้ ได้ซึ่งมีแค่ชั้นละใบเท่านั้น เมธาวีเสียบคีย์การ์ดกดลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิด เธอก็เห็นชายหนุ่มล่ำสันแต่งตัวเหมือนพนักงานออฟฟิตธรรมดาๆ มีเป้สะพายหลังด้วย เธอนิ่วหน้าด้วยความรังเกียจ เธอเห็นหน้าไอ้หมอนี่มาหลายหน ยามเมื่อเธอเดินผ่านเขาในตึก สายตาของเขาจับจ้องมองเธอเหมือนจะกลืนกิน ไม่ได้ดูตัวเองเลยเป็นแค่
แมสเซ็นเจอร์หรืออะไรทำนองนี้ เผยอตัวมาเฝ้ามองดอกฟ้าอย่างเธอ
  “นี่ มาใช้ลิฟต์นี้ได้อย่างไง นี่ลิฟต์สำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะนะ” เมธาวีเสียบคีย์การ์ดค้างไว้
  “คือ เอาของขึ้นมากับนายฝรั่งที่ชั้นสามสิบครับ นายฝรั่งให้ลงลิฟต์นี้มาเลย” โอบอ้อมก้มหน้าตอบ ระหว่างที่เธอต่อปากคำกับชายหนุ่มที่เธอรังเกียจ ลิฟต์ข้างๆก็เปิดออก แพตตี้กับเชอรี่วิ่งพรวดออกมา
  “อุ้ย คุณเมยังอยู่ด้วยแหละ”แพตตี้กระหืดกระหอบ
  “อะไรค่ะ คุณแพตตี้”
  “คือ น้องเชอรี่ลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในบริษัทนะค่ะ”
  “อันนี้ใช่ไหมค่ะ น้องเชอรี่”
  “ใช่ค่า ใช่แล้ว โอ้ ก๊อด แท้งค์คิวมั่กมากค่ะ”เชอรี่กระโจนกอดเมธาวี หอมแก้มฟอดหนึ่ง
  “ลงไปด้วยกันซิค่ะ เมกำลังลงไปที่จอดรถพอดี” เมธาวีหาพวกไม่อยากลงลิฟต์ไปกับชายหนุ่มที่เธอรังเกียจสองต่อสอง
  “โอ เคค่ะ ไปน้องเชอรี่ เด๋วพี่ไปส่งบ้าน”แพตตี้ชวนเชอรี่ ขณะที่เข้ามาในลิฟท์ โอบอ้อมชายหนุ่มพนักงานเตรียมเอกสารในสำนักงานทนายความต่างชาติ ถอยหลังไปจนชิดผนังลิฟต์ก้มหน้ามองพื้นอย่างเจียมตัว สาวๆแซวกันลั่นว่าทำไมแพตตี้จึงมีเวลาไปส่งเชอรี่ได้ ไม่มีเดทหรือไง ขณะที่ลิฟต์ค่อยๆเลื่อนลงอย่างนิ่มนวลจนมาถึงชั้นสิบ ลิฟต์หรูหรากว้างขวางกว้างยาวสามคูณสามเมตรตามสไตล์ผู้บริหารก็หยุดกึก พัดลมระบายอากาศหยุดหมุนทันที
  “กึก กึก” เสียงดังกุกกับๆอยู่ภายนอก
  “อุ้ย ลิฟท์เป็นอะไรค่ะ คุณเม”แพตตี้หน้าตื่น
  “ไม่รู้ซิค่ะ เอ๊ เป็นอะไรไปน่ะ นี่นายกดปุ่มอะไรหรือเปล่า” เมธาวีหันไปเหยียดปากถามไอ้คนกระจอกๆในสายตาเธอ
  “โธ่ คุณกดเอง เสียบการ์ดเองทั้งหมด ผมจะรู้ได้อย่างไง” โอบอ้อมตอบเซ็งๆที่ เมธาวีนางในฝันมีนิสัยเหยียมหยามคนจนเช่นนี้
  “ฮัลโหล ฮัลโหล” เมธาวีคว้าโทรศัพท์ในลิฟต์
  “ไม่มีใครตอบรับเลย ทำไงดี”
  “ใช้โทรศัพท์มือถือโทรซิค่ะ คุณเม”แพตตี้หน้าตื่น เตือนสติ
  “ใช้ ไม่ได้ค่ะ ในนี้อับสัญญาณ ตึกนี้เค้าไม่ชอบให้ใช้โทรศัพท์มือถือในลิฟท์บอกว่า รบกวนคนอื่น”เมธาวีหันไปตอบ เมธาวีเพียรพยายามกดปุ่มฉุกเฉิน ทุกคนพยายามใช้โทรศัพท์มือถือโทรออก แต่ไม่มีสัญญาณโทรออกได้เลย เมธาวีโกรธมาก ทุบประตูลิฟต์ดังตึงๆ
  “นี่นาย จะไม่ช่วยอะไรบ้างหรอ เป็นผู้ชายหรือเปล่านี่” เมธาวีหันไปตะคอกใส่โอบอ้อม
  “ก็ คุณดูนี่ซิ ป้ายประกาศซ่อมลิฟท์ นายฝรั่งก็เตือนผมแล้ว ผมไม่นึกว่าจะปิดซ่อมเร็วตรงเวลาเผงอย่างงี้” เมธาวีหันไปดูป้ายประกาศซ่อมลิฟต์ ในนั้นระบุว่าจะปิดซ่อมบำรุงระหว่างเวลา23.00น.ของ วันที่30จน ถึง05.00น.ของ วันที่31ธ.ค.47 โดยที่จะตัดสัญญาณโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบระบบสื่อสารภายในอาคารทั้งหมดด้วย
  “บ้าจริง ทำไมไม่มีใครบอก” เมธาวีโกรธจนตัวสั่น เมื่อโทรศัพท์เครื่องมือสื่อสารใดๆก็ไม่สามารถติดต่อภายนอกได้
 “ก็ ติดไว้นานแล้วครับ แล้วพวกคุณก็โอ้เอ้ จนถึงเวลาพอดี ผมละซวยจริงๆ”โอบอ้อมก็เซ็งที่ต้องมาติดแง้กในลิฟต์ ไฟเพดานลิฟต์ค่อยๆดับลง ในลิฟต์มืดจนมองแทบไม่เห็นอะไรตรงหน้า
  “กรี๊ด ไฟดับด้วย”เชอรี่เด็กสาวแสนสวยตกใจจนร้องกรี๊ดออกมา
  “พัดลมก็ดับ ไฟก็ดับ จะทำยังงัยดีละค่ะ คุณเม” แพตตี้ก็ตกใจจนหน้าซีด
  “นี่นาย ลองปีนขึ้นไปดูที่เพดานหน่อยมีช่องทางออกมั๊ย” เมธาวีหันไปบอกโอบอ้อม
  “ครับ ผมจะลองดู” สายตาของโอบอ้อมค่อยๆปรับการมองเห็นในความมืดสามารถมองเห็นในลิฟต์ได้บ้าง รู้สึกร้อนอบอ้าวขึ้นมา กลิ่นน้ำหอมที่สาวแสนสวยทั้งสามใส่ ทำให้อากาศในลิฟต์มีกลิ่นหอมเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ เขาค่อยๆเหยียบขึ้นที่ราว สแตนเลสเกาะผนังปีนขึ้นไปเกาะบนเพดาน เคาะโป้กๆที่เพดาน เห็นช่องพัดลมระบายอากาศเล็กๆยังมีช่องระบายลมเปิดอ้าอยู่ สมองแล่นปรู๊ดขึ้นมาถ้าเขาปิดช่องระบายลมให้เล็กลงอากาศต้องอบอ้าวขึ้นแล้ว สาวๆเหล่านี้จะทำอย่างไร อาจจะถอดเสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังแสนสวยให้เขาดูก็ได้ โอบอ้อมพยายามเอานิ้วเขี่ยให้พัดลมหมุนมาปิดช่องระบายอากาศ แล้วค่อยๆปีนลงมาหอบหายใจดังเฮือก
  “มีช่องลมอยู่ครับ ผมเปิดให้อ้ามากที่สุดแล้ว เผื่อว่าช่างซ่อมเค้าลงมาใกล้ๆ เราค่อยตะโกนบอกเค้าได้” โอบอ้อมบอกหน้าตาย
  “จะทำงัยดีค่ะ พี่แพตตี้ เชอรีกลัวจัง”
  “ไม่ มีอะไรหรอก รอหน่อยจนเช้าก็ได้ ดีซิมีคนอยู่ด้วยหลายคน ถ้าเหลือพี่กับน้องเชอรี่ละ น่ากลัวแย่เลย”แพตตี้ปลอบ โอบอ้อมทรุดตัวลงนั่งบนพื้นลิฟต์ บอกทั้งสามสาวว่า
  “นั่งพักก่อนเถอะครับ เดี๋ยวช่างลงมาเช็คที่ตัวลิฟท์เราค่อยตะโกนเรียก”
  “นี่นาย ไม่ตกใจบ้างเลยนะ”เมธาวีหาที่ระบายความโกรธ
  “ก็ผมเจอบ่อยๆ มหาลัยที่เรียนนะ ลิฟต์เก่าโคตรเลย ลิฟต์ติดทุกวันเลยครับ”
  “ที่ไหนค่ะ เชอรี่จะได้ไม่เอ็นท์เข้า”
  “ที่ ม..... นะครับ”
  “จริงหงอ ตึกเก่าๆทั้งนั้นเลยนี่ แพตตี้เคยไปหาเพื่อนสมัยตอนเรียนมหาลัย”
  “คุณเมละค่ะ เคยเจอแบบนี้มั๊ย”แพตตี้หันไปถามเมธาวี
  “ไม่เคยหรอกค่ะ ที่เมืองนอกน่ะ เขาเซอร์วิสกันดีมากๆเซพตี้สุดๆ”
  “หิวน้ำจัง พี่แพตตี้” เชอรี่หายกลัวแล้วแต่หิวน้ำมากๆ
  “กลืนน้ำลายก่อนซิ ดื่มน้ำเข้าไปจะปวดห้องน้ำนะ” แพตตี้บอกเบาๆกล้วโอบอ้อมได้ยิน
  “พี่ชื่ออะไรค่ะ หนูชื่อเชอรี่ นี่พี่แพตตี้ แล้วก็พี่คนสวยนั้นชื่อ พี่เมธาวี” เชอรี่ชวนคุยแก้เซ็ง
  “ผม ชื่อโอบอ้อมครับ อยู่สำนักงานทนายความชั้นสามสิบ ดูแลเอกสารของคดีต่างประเทศ” โอบอ้อมเอ็นดูสาวเชอรี่มากๆด้วยเธอเป็นเด็กฝรั่งช่างพูด ช่างเจรจาไม่หยุด
  “ทำนานยังค่ะพี่”
  “ก็ สองปีกว่าแล้วครับ จบเนติก็เข้าบริษัทนี้เลยเพราะอยากพูดภาษาอังกฤษให้คล่องโดยไม่ต้องไปเรียน เมืองนอกเหมือนคนรวยๆเค้า”โอบอ้อมกระแทกสาวสวยลูกมหาเศรษฐีเล่น เมธาวีสะบัดหน้าพรืด
  “ไงแล้วพูดได้ดีไหม ลองพูดเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังหน่อยดิ เพื่อจะจ้างเป็นพนักงาน” โอบอ้อมหัวเราะเบาๆ แนะนำตัวเล่าถึงความเป็นมาของตัวเองเบาๆ เสียงโอบอ้อมนุ่มเบาเพราะจนเชอรี่อดผสมโรงคุยโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยไม่ ได้ เมธาวีทึ่งในใจว่าคนที่จบในประเทศที่ไม่ได้เรียนเอกอังกฤษจะพูดฟังได้ดีขนาด นี้ แพตตี้เองทำงานกับฝรั่ง เรียนโทเมืองนอกยังมีสำเนียงพูดสู้ไม่ได้ จึงถามว่า
  “สำเนียงดีจัง หัดมาจากไหนค่ะ”
  “ก็ แหม่มเลขานายนะครับ แกช่วยเกลาให้พูดผิด ปรับคำละสิบบาท ค่าขนมเลี้ยงกันในออฟฟิท โดนเข้าบ่อยๆ ก็ต้องรีบปรับปรุงตัว ไม่งั้นไม่มีค่าข้าวกิน”
  “ไม่เหมือนเชอรี่ ภาษาไทยเพี้ยนที่ไร เพื่อนโห่ทุกที ต้องจำสำเนียงแปลกเรื่อย ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว ไม่งั้นละก็”
  “เหมือน เมื่อปีก่อนไง เชอรี่พูดอะไร พี่ไม่รู้เรื่องเลย” แพตตี้แซว อากาศร้อนอบอ้าวขึ้นตามลำดับจนทุกคนเหงื่อซึมหายใจเข้าออกแรงๆ โอบอ้อมกล่าวคำขอโทษทุกคนก่อนถอดเสื้อแขนยาวออก เหลือแต่เสื้อยืดคอกลมสีขาวข้างใน เอาเสื้อปูบนพื้นหัวพาดเป้นอนชันเข่าขึ้นตามความยาวของลิฟท์ เชอรี่ก็เมื่อยจนเอนตัวนอนตามข้างๆเขา โอบอ้อมเขยิบแบ่งเสื้อให้ครึ่งหนึ่ง เด็กสาวแสนสวยนอนหันหน้าไปทางเมธาวีและแพตตี้
  “นอนพักก่อนเถอะค่ะ พี่แพตตี้ พี่เม สองชั่วโมงกว่าแล้ว”
  “ผลัด กันนอนพักเถอะ เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนกันเฝ้ารอช่างมา เฮ่อ ร้อนจัง” แพตตี้ถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเสื้อกล้ามสีอ่อนที่ชุ่มเหงื่อ เอาเศษกระดาษพัดเบาๆ โอบอ้อมแสนสุขใจที่บุญพาวาสนาส่งให้มาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ มีเด็กสาวลูกครึ่งแสนสวยนอนข้างๆ หน้าอกตึงเต็มแน่นในเสื้อยืดทีเชิ้ตฟิตเปรี๊ยะชุ่มเหงื่อ กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมปนกลิ่นสาบสาวแสนจะหอมหวลนอนแนบแขนล่ำสันของเขา ชำเลืองดูที่เมธาวี เธอเหงื่อออกเต็มหน้าแต่ไม่ยอมถอดเสื้อตัวนอกนั่งหัวพิงผนังเชิดหยิ่ง
  “พี่ค่ะ เวลาติดลิฟต์เมื่อก่อน ทำยังไง” เชอรี่หันหน้ามาพูดกับโอบอ้อม กลิ่นปากหอมกรุ่น
  “ก็ถ้าอยู่กับเพื่อนก็คุยไปเรื่อยๆ ถ้าติดกับเพื่อนผู้หญิงก็ทำแบบนี้” โอบอ้อมเงียบไปชั่วครู่ ก่อนคำรามเหมือนแฟร้งเก้นสไตน์
  “ฮือ ฮือ ฮือ ฮ่า ฮ่า”เมธาวีสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แพตตี้หัวเราะคิกๆที่เห็นเมธาวีกลัวขนาดนั้น
  “ไอ้บ้า”เมธาวีโกรธมาก

แจกคลิปเสียว  avekaeko.blogspot.com
อ่านเรื่องเสียว  wowwowsexy.blogspot.com
โดจินแปลไทย  wowcartoonsexy.blogspot.com
เล่าเรื่องเสียว  sexstory2u.blogspot.com